โควิด-19 หมด ชีวิต(ต้อง)เปลี่ยน
หลังจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือโรคโควิด-19 ระบาดหนักทั่วโลกมาได้ระยะหนึ่ง นักวิชาการและนักวิเคราะห์ได้ออกมาเขียนบทความไว้มากมายทำนายถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลกเมื่อสถานการณ์นี้จบลง ซึ่ง Anything Write ขอเขียนถึงในส่วนที่ใกล้ตัวพวกเรา จากประสบการณ์ตรงและของคนรอบข้างที่กำลังเผชิญช่วงเวลาที่หนักหน่วงนี้ไปด้วยกัน ว่าเมื่อหลังจากเหตุการณ์นี้ผ่านไปแล้ว เราจะทำอะไรและหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องอะไรกันมากขึ้น
1. การบอกรักผ่านภาษากายนั้นมีความหมายมากเพียงใด
เมื่อทุกคนต้องรักษาระยะห่างแบบ social distancing เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อ ทำให้เรารู้ซึ้งแล้วว่าการส่งต่อความรัก ความปรารถนาดีผ่านการสัมผัส เช่น การกอด มีความหมายมากแค่ไหน เมื่อใดที่เจ้าโรคโควิด-19 นี้มันหมดไป เราจะไม่ลังเลที่จะกอดใครแน่น ๆ และบอกรักกันทันทีที่มีโอกาส เพื่อส่งต่อกำลังใจให้กัน
2. ความมั่นคงทางการงานและการเงินนั้นสำคัญแค่ไหน
ก่อนหน้าที่เราจะรู้จักกับไวรัสร้ายตัวนี้ บางคนเปลี่ยนงานไปเรื่อย ๆ หรือบางคนหาเงินได้เท่าไหร่ ก็ใช้หมดไปเท่านั้น โดยไม่เคยคิดถึงเรื่องการเก็บออมอย่างจริงจัง แต่ผลกระทบของโรคโควิด-19 ทำให้หลายคนรายได้ลดลง ไปจนถึงต้องตกงาน จนเราต้องมานั่งทบทวนกันใหม่ถึงมุมมองในการทำงานและการวางแผนการเก็บออมเงิน สำหรับเราที่ยังมีงานทำต้องถือว่าโชคดีและจะขอตั้งใจทำงานให้เต็มที่ขึ้นไปอีก รวมทั้งจริงจังเรื่องการออมเงินในรูปแบบต่าง ๆ ให้มากขึ้นหลังจากนี้
3. ทักษะและความรู้ด้านเทคโนโลยีทำให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ในสถานการณ์เช่นนี้
ในวันที่โรคโควิด-19 ทำให้เราต้องเปลี่ยนบ้านเป็นออฟฟิศอย่างเต็มรูปแบบ การใช้เทคโนโลยีจึงไม่ใช่แค่เพื่อความบันเทิงอีกต่อไป แต่กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญให้เราเดินหน้าต่อในสถานการณ์เช่นนี้ได้ ดังนั้นต่อให้เราเป็นคนโลว์เทคแค่ไหน เราก็ต้องปรับตัวเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ ๆให้ได้ และจากนี้ไปถึงแม้ไวรัสจะจากเราไปแล้ว แต่แน่นอนว่าเทคโนโลยีจะคงความสำคัญต่อทุกองค์กรมากยิ่งขึ้น เพราะมันทำให้ธุรกิจยังคงเคลื่อนไปได้แม้มดงานแต่ละหน่วยจะนั่งทำงานอยู่ที่บ้านก็ตาม
4. วินัยคือสิ่งที่ทุกสังคมต้องการ
นอกจากการล้างมือบ่อย ๆ การดูแลสุขอนามัยอย่างเข้มข้น การรักษาระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing การกักตัวถ้าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ฯลฯ มาตรการและนโยบายมากมายเพื่อแก้ปัญหาโรคโควิด-19 จะได้ผลก็ต่อเมื่อประชาชนมีวินัย เพราะมีรายงานจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ให้เห็นกัน ว่ายิ่งประชาชนมีวินัย มีความรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากเท่าไหร่ ยอดผู้ติดเชื้อก็จะยิ่งลดลง การควบคุมโรคระบาดจะทำได้ง่ายขึ้น และพวกเราก็จะได้กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติเร็วขึ้น ดังนั้นจากนี้ไปหากเราสร้างวินัยในตัวเองและให้ร่วมมือกันทุกคนกับทุกสถานการณ์ สังคมจะยิ่งน่าอยู่มากขึ้น
5. ไม่มีอะไรแน่นอนบนโลกใบนี้
ปีนี้คงเป็นปีแรกในชีวิตของคนไทยทุกคนที่เทศกาลสงกรานต์จะไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาวประจำปี และคงไม่เคยมีใครคิดว่าปีนี้จะไม่มีการฉลองประเพณีสงกรานต์แม้แต่ที่เดียวในประเทศไทย แน่นอนว่าคงไม่มีใครคาดถึงเช่นกันว่าธุรกิจการบินทั่วโลกจะต้องหยุดให้บริการนานนับเดือน และสนามบินทุกแห่งแทบร้างผู้คน ห้างสรรพสินค้าต้องงดให้บริการ เราต้องลุกขึ้นมาสวมวิญญาณมาสเตอร์เชฟ แต่มันเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ เช่นเดียวกับหลาย ๆ กิจกรรมทั่วโลกที่ถูกยกเลิกไป การใช้ชีวิตประจำวัน การทำงานที่ต้องปรับเปลี่ยนกันแบบ 360 องศา เหตุการณ์นี้คงทำให้เราเข้าใจคำกล่าวที่ว่า “ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน” ได้อย่างถ่องแท้ และการใช้ชีวิตทุกก้าวย่างจากนี้ไป เราต้องมีสติ ไม่ประมาท และใช้เวลาอย่างคุ้มค่าที่สุด
ใครคิดออกอีกว่าจากนี้ชีวิตพวกเราจะเปลี่ยนไปอย่างไรกันบ้าง ก็แชร์กันเข้ามาได้นะคะ…
แล้วสัปดาห์หน้ามาพบกันใหม่ ระหว่างนี้ขอให้ทุกคนยังคงมีวินัย อดทนรักษาระยะห่างกันไว้ ใครอยากผันตัวเป็นเชฟ เป็นนักเต้น หรือเป็นบาริสต้า ก็ตั้งใจฝึกฝีมือกันต่อไปนะคะ ใครจะไปรู้ หลังโควิด-19 จากไป เราอาจได้อาชีพใหม่เลี้ยงตัวเอง…แล้วพบกันค่ะ😊
#AnythingWrite #Covid19 #StaySafe #StayStrong
Written by Nalina Montha
